นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนในลักษณะ Sideway โดยแรงหนุนจากข่าวการพัฒนายาต้านไวรัสโควิด-19 หลังการทดลองพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยา Remdesivir สามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังเป็นตัวกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,220 -1,270 จุด สำหรับตลาดหุ้นไทยส่งสัญญาณในเชิงบวกมากขึ้น หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าอาจจะเห็นการทยอยปลด lockdown ประเภทสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่ำเมื่อครบกำหนดระยะเวลาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในปลายเดือนนี้ ในขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแนวทางสำหรับการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้ง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐต่างๆ ของสหรัฐเริ่มชะลอตัว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกลุ่มประเทศในแถบยุโรปแสดงให้เห็นถึงการเริ่มหามาตรการเพื่อฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจหลังจากมีมาตรการล็อกดาวน์มานานหลายสัปดาห์

นอกจากนี้การพัฒนายาต้านไวรัสโควิด-19 มีความคืบหน้าในหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐ จีน และอังกฤษ ส่วนในประเทศไทยทดลองวัคซีนโควิด-19 ในสัตว์ รวมทั้งในประเทศไทยมีผลการศึกษาของกรมการแพทย์แผนไทยพบว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสในหลอดทดลอง ดังนั้นต้องยอมรับว่าจากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้นเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อภาคการลงทุน

ทั้งนี้สิ่งที่นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ภายในสัปดาห์นี้คือ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ขณะที่ในฝั่งอียูมีการเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนเม.ย. และสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค ส่วน บอร์ด AOT ประชุมพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมธุรกิจการบิน – ธุรกิจไม่เกี่ยวกับการบิน ขณะที่ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  และอียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.

ทั้งนี้หลังจากที่ดัชนีเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ทางฝ่ายวิจัยได้ประเมินกลยุทธ์หุ้นรายตัวที่น่าจับตา โดยนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการโดดเด่น เนื่องจากได้รับกระทบจากโควิด-19 น้อย ได้แก่  ADVANC – DTAC – TRUE  นอกจากนี้ยังแนะลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown  เช่น MAKRO , BJC , CPALL , TU และTFMAMA ส่วนราคาทองคำประเมินในสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาทองคำจะอยู่ในกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,650 -1,710 ดอลลาร่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,260 - 26,270 บาทต่อบาททองคำ